แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องเล่าให้แง่คิด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องเล่าให้แง่คิด แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คิดสักนิดก่อนพูด

คิดสักนิดก่อนพูด


     มีเจ้าของบ้านคนหนึ่งได้เชิญแขกเหรื่อมาทานอาหารที่บ้านของตน เมื่อถึงเวลา กลับมีแขกมาเพียงแค่ คนเท่านั้น จึงพูดโพล่งบ่นออกไปว่า

เจ้าของบ้าน : นี่มันเกิดอะไรขึ้น แขกที่ควรมาแต่ดั้นไม่มา?

      แขก คนเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงหาข้ออ้างเดินไปที่อื่น แต่ทว่าหลังจากนั้น แขกที่เหลืออีก คนก็ค่อย ๆ ทยอยเดินออกมาเหมือนกัน มาทางด้านเจ้าของบ้าน เมื่อไม่เห็นแขก คนแรกเดินกลับเข้ามา เจ้าของบ้านก็โกรธหันไปพูดกับแขกคนอื่นที่เดินทางมาถึงที่หลังว่า

เจ้าของบ้าน : แขกที่ไม่ควรกลับดั้นกลับซะนี่

      ผลสุดท้าย เมื่องานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน บรรดาแขกเหรื่อก็ทยอยพากันมาลากลับ เจ้าของบ้านรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก 

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นโทษของการพูดไม่รู้จักคิด เพราะฉะนั้น ก่อนพูดอะไรควรคิดพินิจให้ดี ความจริงแล้วเรื่องนี้ เป็นข้อสอบปลายภาคเทอม2ของเด็กป.2ของประเทศจีนเค้าโน้นหล่ะ แต่ความเจ๋งของมันอยู่ตรงที่ มันได้กลายมาเป็นข้อสอบHSKระดับเมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ใครที่ไปสอบอาจคุ้น ๆ อยู่บ้าง!!! 

考虑一下再说

                有位主人请客, 约定的就要时间到了,但是只来了三位客人,主人很着急,便自言自语道: 怎么回事,该到的还没到?三位客人一听此言,很不高兴,便找借口走了。而后,其他客人陆陆续续到齐了,但不见前三位客人返回,于是主人伤感地对客人说:不该走的又走了。结果,客人们在宴席开始不久,纷纷找借口告辞了。主人感到非常的尴尬。

Translated: Zab Chinese Story

Source : Chu Er Di Er Xue Qi Qi mo Kao Shi

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

คำแนะนำจากครูสาว


คำแนะนำจากครูสาว


     ณ เมืองแห่งหนึ่งได้มีการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรืออะควาเรียมแห่งใหม่ เนื่องจากตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศ ผู้คนต่างไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ดังนั้นจึงให้ความสนใจอยากรู้อยากเห็นอะควาเรียมที่เปิดใหม่นี่เป็นอย่างมาก แต่ว่า ค่าตั๋วที่จะเข้าอะควาเรียมนั้นตกใบละ 150 หยวน(ประมาณ 750 บาท) คนจำนวนมากต่างก็บ่นว่าค่าตั๋วแพง ดังนั้นปีแรกที่อะควาเรียมเปิดทำการจึงมีคนเข้าชมน้อยมาก ซึ่งอีกไม่นานก็น่าจะปิดตัวลง เพื่อที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายอันนี้ ผู้จัดการของอะควาเรียมจึงทำการลงโฆษณาทั้งในโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ และทำการสอบถามความคิดเห็นด้วยตนเอง หวังว่าจะช่วยชุบชีวิตของอะควาเรียมให้ฟื้นคืนกลับมา

       มีอยู่วันหนึ่ง มีครูสาวคนหนึ่งมาที่อะควาเรียม เธอพูดกับผู้จัดการว่าเธอสามารถทำให้กิจการของอะควาเรียมดีขึ้นมาได้

       ผู้จัดการก็ทำตามที่ครูสาวบอกทุกอย่าง คือ ไปทำการลงโฆษณาใหม่ที่สถานีโทรทัศน์ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็มีคนมาเข้าชมอะควาเรียมแน่นทุกวัน ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้ หนึ่งในสามเป็นเด็ก ๆ  และสองในสามก็เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาลูกหลานมาเที่ยว หลังจากนั้นอีกสามเดือน อะควาเรียมที่เดิมทีขาดทุนย่อยยับก็เริ่มมีกำไรขึ้นมาบ้างแล้ว

     อันที่จริง เนื้อหาของโฆษณาอันใหม่ที่ครูสาวแนะนำนั้นสั้นและง่ายมาก มีเพียงแค่ 12 ตัวอักษรเท่านั้นเอง คือ เด็ก ๆ เช้าชมอะควาเรียมฟรีเหมือนกันทุกคน

ช่างเป็นครูสาวที่ฉลาดมากจริง ๆ ไม่เก็บตังค์กับเด็กแต่ไปเก็บตังค์ที่พ่อแม่ เพราะสิ่งที่เด็กชอบก็มักจะรบเร้าให้ผู้ใหญ่ซื้อให้ แม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม และอีกอย่างเวลาเด็กไปอะควาเรียมก็ต้องไปกับพ่อแม่(เพื่อจ่ายเงิน) ก็เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจอันหนึ่ง  แต่เหนือสิ่งอื่นใด ในเรื่องมีครูเข้ามาเกี่ยวด้วยเพราะ วันที่ 10 กันยายนของทุกปี เป็นวันครูแห่งชาติของจีน ซึ่งปี ค.ศ.2012 นี้ก็เป็นครั้งที่ 28 แล้วจร้า


女教师的指导

一个城市里新开了一家海洋馆。由于地处北方, 人们都没见过海, 所以对新开的海洋馆充满了好奇。但是海洋馆的门票要 150 元一张, 很多人都嫌贵, 所以海洋馆开张第一年参观的人很少, 眼看就要关门了。为了改变这种状况, 海洋馆的经理在电视和报纸上打广告,征求能使海洋馆起死回生的金点子。 

          一天,一个女教师来到海洋馆,她对经理说她可以让海洋馆的生意好起来。
          经理按照她说的在电视台打出了新广告,一个月后,来海洋馆参观的人天天爆满,这些人当中有三分之一是儿童,三分之二则是带着孩子的父母。三个月后,原来赔钱的海洋馆开始盈利了。
          其实, 海洋馆打出的新广告内容很简单,只有 12 个字:儿童到海洋馆参观一律免费。



Translated: Zab Chinese Story

Source: Lao Shi Jie De Gu Shi

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ได้โปรดอย่าดูถูก!

ได้โปรดอย่าดูถูก!



หลู่ซวิ่นเป็นนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน ผลงานของท่านมีเป็นจำนวนมาก หนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงก็คือเรื่อง ประวัติจริงของอาคิว(อาคิวเป็นตัวเอกของเรื่องที่ถูกผู้คนเหยียดหยาม แต่มักจะปลอบใจว่าตนเองเป็นผู้ชนะตลอดเวลา) นอกจากนี้ หลู่ซวิ่นยังมีเรื่องเล่าที่น่าสนุกและน่าสนใจอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในเรื่องเหล่านั้นก็คือเรื่องนี้:
      มีวันหนึ่ง หลู่ซวิ่นใส่เสื้อผ้าที่ทั้งเก่าและขาดไปตัดผมที่ร้านทำผมแห่งหนึ่ง ช่างตัดผมเห็นว่าเขาใส่เสื้อผ้าธรรมดา เชย ๆ และดูเหมือนจะสกปรกมาก รู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นคนขอทาน จึงตัดผมให้หลู่ซวิ่นอย่างลวก ๆ สุกเอาเผากิน ตัดผมเสร็จแล้ว หลู่ซวิ่นก็ควักเงินจากในประเป๋ากางเกงอย่างลวก ๆ แล้วส่งให้ช่างตัดผม และเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังมามองเลย ช่างตัดผมนับเงินอย่างละเอียด ก็พบว่าหลู่ซวิ่นให้เงินแก่เขานั้นมาก ๆ จริง ช่างตัดผมดีใจมาก
      หลายเดือนต่อมา หลู่ซวิ่นก็มาตัดผมอีก ช่างตัดผมจำหลู่ซวิ่นได้ว่าเป็นลูกค้าที่ให้เงินแก่เขามากเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้นจึงปฎิบัติต่อหลู่ซวิ่นสุภาพเป็นพิเศษ พิถีพิถันในการตัดผมให้กับหลู่ซวิ่น แล้วยังพูดคุยเป็นกันเอง จนหลู่ซวิ่นนั้นพอใจเป็นอย่างมาก ใครจะรู้ว่าตอนจ่ายเงินค่าตัดผมนั้น หลู่ซวิ่นกลับบรรจงนับเงินอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกินไปเลยสักเหรียญเดียว ช่างตัดผมรู้สึกแปลกใจมาก จึงถามหลู่ซวิ่นว่าทำไม? หลู่ซวิ่นหัวเราะก่อนตอบว่า
หลู่ซวิ่น  :  คุณช่างตัดผม เมื่อครั้งที่แล้วคุณตัดผมให้ผมอย่างลวก ๆ สุกเอาเผากิน ผมก็จ่ายเงินให้คุณอย่างลวก ๆ แต่ครั้งนี้คุณตั้งอกตั้งใจตัดผมให้ผม ดังนั้นผมก็จ่ายเงินให้คุณอย่างตั้งใจเหมือนกัน !
      ช่างตัดผมได้ฟังแล้วรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก รีบขอโทษหลู่ซวิ่นทันที

 หลู่ซวิ่นนี่ท่านสุดยอดจริง ๆ ทั้งงานประพันธ์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งวาจาที่คารมคมคาย เชือดเฉือนใจได้อย่างนิ่ม ๆ เลยทีเดียว ก็เอาไว้เป็นข้อเตือนใจ ว่าอย่าดูคนที่ภายนอก เสื้อผ้ามันอาจหลอกตาเราได้ อย่าดูถูกคน ปฎิบัติและให้เกียรติคนอย่างเท่าเทียมกัน

请不要看不起!

鲁迅是中国著名的文学家, 他的著作很多,其中最著名的是《阿Q正传》。鲁迅有许多有趣的小故事, 其中一个是这样的:
有一天,鲁迅穿着一件破旧的衣服去理发店理发。理发师见他穿着很随便,而且看起来很脏,觉得他好像是个乞丐,就随随便便地给他剪了头发。理了发后,鲁迅从口袋里胡乱抓了一把钱交给理发师,便头也不回地走了。理发师仔细一数,发现他多给了好多钱,于是高兴极了。           一个多月后,鲁迅又来理发了。理发师认出他就是上回多给了钱的顾客,因此对他十分客气,很小心地给他理发,还一直问他的意见,直到鲁迅感到满意为止。谁知道付钱时,鲁迅却很认真地把钱数了又数,一个铜板也不多给。理发师觉得很奇怪,便问他为什么。鲁迅笑着说:先生,上回你胡乱地给我剪头发,我就胡乱地付钱给你。这次你很认真地给我剪,所以我就很认真地付钱给你! 理发师听了觉得很不好意思,连忙向鲁迅道歉。


Translated: Zab Chinese Story


Source: Lu Xun De Gu Shi

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รีบส่งรองเท้า 1 ล้านคู่มาด่วน

รีบส่งรองเท้า 1 ล้านคู่มาด่วน


          มีโรงงานผลิตรองเท้าแห่งหนึ่งกำลังต้องการขยายตลาด บอสเจ้าของโรงงานจึงสั่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนหนึ่งไปสำรวจตลาดยังเกาะแห่งหนึ่ง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนนั้นพอมาถึงเกาะ ก็พบว่าคนในท้องที่ต่างไม่ใส่รองเท้าเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่พัก เขาจึงโทรศัพท์ไปรายงานบอสทันทีว่า

ผู้จัดการ  :  คนที่นี่ไม่นิยมใส่รองเท้ากันเลย ไม่มีลู่ทางทำการตลาดเลย
        บอสเจ้าของโรงงานหลังจากรับโทรศัพท์แล้ว ก็ครุ่นคิดพิจารณาอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดก็ส่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดอีกคนหนึ่งไปทำการสำรวจตลาดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อผู้จัดการคนที่ 2 มาถึงเกาะแห่งนี้ เห็นว่าคนที่นี่เดินเท้าเปล่ากันทุกคน ไม่มีใครใส่รองเท้าเลย จึงดีใจมาก พอกลับถึงโรงแรมก็รีบโทรศัพท์หาบอสทันทีว่า
ผู้จัดการคนที่2  :  คนบนเกาะนี้ไม่ใส่รองเท้าเลย ศักยภาพทางการตลาดมีมากจริง ๆ รีบส่งรองเท้า 1 ล้านคู่มาด่วนจี๋ !

  จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า ในสถานการณ์เดียวกัน แต่มีการใช้มุมมองที่แตกต่างกันมาจัดการกับปัญหา ก็เป็นการคิดนอกกรอบอีกวิธีหนึ่ง เหมือนกับเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่งก็อาจจะเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จได้ เมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรค ก็ลองคิดหลาย ๆ วิธีดูกันเน้อ


快寄一百万双鞋子过来

            有一家鞋子制造厂要扩大市场,工厂老板便派一名市场经理到一个岛上调查市场。那名市场经理一抵达,发现当地的人们都没有穿鞋子的习惯。回到旅馆,他马上打电话告诉老板说:这里的居民从不穿鞋,此地无市场。 

          老板接到电话后,思索良久, 又派了另一名市场经理去实地调查。当这名市场经理一见到当地人们赤足,没穿任何鞋子的时候,心中兴奋万分,一回到旅馆,他马上给老板打电话说:
此岛居民无鞋穿,市场潜力巨大.快寄一百万双鞋子过来!

Translated: Zab Chinese Story

Source: Ying Xiao Dian Gu
 

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เด็กแกล้งโง่

เด็กแกล้งโง่


มีเด็กน้อยคนหนึ่ง ทุกคนต่างพูดว่าเขาโง่ เพราะว่าถ้ามีคนให้เงินเหรียญ 5 เหมา(ประมาณ 2.5 บาท)กับ เหรียญ 1 หยวน(ประมาณ 5 บาท)แล้ว เขามักจะเลือกเหรียญ 5 เหมา ไม่เอาเงิน 1 หยวน  มีคนไม่เชื่อว่าจะมีเด็กแบบนี้ จึงหยิบเหรียญออกมา เหรียญแรกเป็น 1 หยวน อีกเหรียญเป็น 5 เหมา แล้วก็เรียกเด็กน้อยคนนี้มาเลือกเหรียญได้ตามใจชอบ ผลลัพธ์ก็คือเด็กน้อยคนนั้นนึกไม่ถึงว่าจะเลือกเหรียญ 5 เหมาจริง ๆ คนคนนั้นรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง จึงถามเด็กคนนั้นว่า

ชายคนหนึ่ง  :  ทำไมอ่ะ? หนูแยกไม่ออกจริง ๆหรอว่าเหรียญไหนมีค่าเท่าไร?

เด็กน้อย      :  ถ้าหากผมเลือกเหรียญ 1 หยวน ทีหลังก็จะไม่มีเงินซื้อขนมกินอีกนะซิ !

นี่ก็เป็นจุดที่ฉลาดของเด็กคนนี้ จริง ๆ แล้ว ถ้าหากเด็กคนนี้เลือกเงิน 1 หยวน ก็จะไม่มีคนยอมมาเล่นเกมส์นี้กับเขาแน่ แทนที่่เด็กคนนี้ น่าจะได้เพียงแค่เงิน 1 หยวน แต่เด็กคนนี้กลับเลือกที่จะหยิบเหรียญ 5 เหมา แกล้งทำให้ตัวเองเป็นคนโง่ ดังนั้น ถ้าแกล้งเป็นคนโง่ยิ่งนาน เด็กคนนี้ก็จะยิ่งได้เงินเยอะ ในที่สุดสิ่งที่เด็กคนนี้จะได้รับก็คือ เงินหลายเท่าตัวของเงิน 1 หยวน

 ใครที่คิดว่าเด็กใสซื่อ บริสุทธิ์ อาจจะต้องคิดใหม่ โดยเฉพาะเด็กสมัยนี้!! เนื่องจากวันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติของจีน(วันที่ 1 มิถุยายนของทุกปี) ก็เลยอัพเรื่องนี้ดู

小孩把自己装成傻子

          有一个小孩,大家都说他傻,因为如果有人同时给他5毛和1元的硬币,他总是选择5毛,而不要1元。有个人不相信,就拿出两个硬币,一个1元,一个5毛,叫那个小孩任选其中一个,结果那个小孩居然真的挑了5毛的硬币。那个人觉得非常奇怪,便问那个孩子:“难道你真的不会分辨硬币的币值吗?”

           孩子小声说:“如果我选择了1元钱,以后就没有钱买糖吃了!”   

          这就是那个小孩的聪明之处。的确,如果他选择了1元钱,就没有人愿意继续跟他玩下去了,而他得到的,也只有1元钱!但他拿5毛钱,把自己装成傻子,于是傻子当得越久,他就拿得越多,最终他得到的,将是1元钱的若干倍!

Translated : Zab Chinese Story

Source: Er Tong De Gu Shi
 

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

ซื้อคฤหาสน์ด้วยเงินเพียง1แสน

ซื้อคฤหาสน์ด้วยเงินเพียง1แสน

 

          มีชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ตามลำพัง ไม่มีลูกหลาน ร่างกายอ่อนแอมีสารพัดโรคคอยรุมเร้า เขาจึงตัดสินใจจะย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา ชายชราจึงประกาศขายคฤหาสน์หลังงาม ราคาต่ำสุด 8 แสนหยวน แต่มีคนเป็นจำนวนมากต่างพูดกันเซ็งแซ่ว่าราคามากถึง 1 ล้านหยวน  ซึ่งราคาบ้านก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชายชรานั่งกลุ้มใจอยู่ที่โซฟา ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า เป็นทุกข์ ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวย เขาก็คงไม่ต้องขายบ้านหลังนี้ที่อยู่เป็นเพื่อนกับเขามาตั้งครึ่งค่อนชีวิต

          มีชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายธรรมดา ๆ มาหาชายชรา ทำความเคารพด้วยการโค้งคำนับ พูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า

ชายหนุ่ม  :  คุณลุงครับ ผมก็อยากจะซื้อคฤหาสน์หลังนี้ แต่ผมมีเงินอยู่แค่ 1 แสนหยวน แต่ว่าถ้าหากคุณลุงขายบ้านให้กับผม ผมรับประกันว่าจะให้คุณลุงอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ของคุณลุงตามเดิม แล้วคุณลุงยังสามารถดื่มชา อ่านหนังสือพิมพ์ เดินเล่น โดยมีผมอยู่คอยเป็นเพื่อนกับคุณลุงอีกด้วย มีความสุขในทุก ๆวัน เชื่อผมเถอะน่ะครับ ผมจะใช้หัวใจมาดูแลคุณลุงเองครับ

         ชายชราพยักหน้าอย่างยิ้ม ๆ แล้วต่อมาก็จัดการขายบ้านหลังนี้ให้กับชายหนุ่มคนนี้

         ความฝันกลายเป็นจริง ในบางครั้ง ขอเพียงแต่คุณใช้จิตใจที่แท้จริงในการรักคน ก็เพียงพอแล้ว



只有10万块钱就能买到住宅


有位孤独的老人,无儿无女,又体弱多病。他决定搬到养老院去。老人宣布出售他漂亮的住宅。底价80万块,但人们很快就将它炒到了100万块。价钱还在不断攀升。老人深陷在沙发里,满目忧郁,要不是健康情形不行,他是不会卖掉这栋陪他度过大半生的住宅的。

  一个衣着朴素的青年来到老人眼前,弯下腰,低声说:“先生,我也好想买这栋住宅,可我只有10万块钱。可是,如果您把住宅卖给我,我保证会让您依旧生活在这里,和我一起喝茶,读报,散步,天天都快快乐乐的——相信我,我会用整颗心来照顾您!”

  老人微笑着点了点头,把住宅卖给了他。

      完成梦想,有时,只要你拥有一颗爱人之心就可以了。
 

Translated: Zab Chinese Story

Source: Yin Xiang De Gu Shi

สวัสดีปีใหม่ไทย!!!

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระพุทธเจ้าจัดการกับคนที่มาด่าอย่างไร

พระพุทธเจ้าจัดการกับคนที่มาด่าอย่างไร

         ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยถูกด่ากระทบกระเทียบเปรียบเปรยและอิจฉาต่าง ๆ นานา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้ พระพุทธเจ้าทรงมีจิตใจที่สงบ เงียบไม่พูด ไม่มีท่าทีกระโตกกระตาก มุ่งมั่นทำเรื่องของตัวเองให้ดีที่สุด
        อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่มีคนมาด่าพระองค์เสร็จแล้ว พระพุทธองค์ทรงถามอย่างยิ้ม ๆว่า
พระพุทธเจ้า  :  โยม ถ้ามีคนคนหนึ่งส่งของให้กับคนคนหนึ่ง แล้วถ้าคนคนนั้นไม่รับของดังกล่าว ถ้าอย่างนั้น ของที่ส่งให้จะตกเป็นของใคร?
        คนที่มาด่าตอบโดยไม่ต้องคิดว่า
คนที่มาด่า       :      แน่นอนก็ต้องตกเป็นของคนที่ส่งของให้ซิ
พระพุทธเจ้า    :      ถ้างั้นก็ถูกต้องแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่โยมมาด่าอาตมา ถ้าหากอาตมาไม่รับคำด่าของโยม แล้วคำด่านั้นจะตกอยู่ที่ใคร?
         หลังจากที่ได้ฟังคำถามอันยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยปฎิภาณไหวพริบของพระพุทธเจ้าแล้ว คนที่มาด่านั้นก็ตกตะลึง นิ่งอึ้งพูดไม่ออก นับแต่นั้นมา เขาก็ไม่มาด่าพระพุทธเจ้าอีกเลย
 แง่คิดที่ได้จากเรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตาม  ในการประสบสำเร็จนั้นมักพบเจอการใส่ร้ายป้ายสีจากบางคนที่ไม่หวังดี คนฉลาดมักจะใช้ความเงียบสยบความเคลื่อนไหว ข่าวลือก็จะถูกทำลายหายไปด้วยตัวของมันเองโดยอัตโนมัติ


释迦牟尼佛如何应对人的谩骂
         有一段时间,释迦牟尼经常遭到一个人的嫉妒和谩骂。对此,他心平气和,沉默不语,不动声色,专心致志地做好自己的事情。   
          一天,当那个人骂累了以后,释迦牟尼微笑着问:“我的朋友,当一个人送东西给别人,别人不接受,那么,这个东西是属于谁的呢?”
   
     那个人不假思索地回答:“当然是属于送东西人自己的了。”
   
     释迦牟尼说:“那就对了。到今天为止,你一直在骂我。如果我不接受你的谩骂,那么谩骂又属于谁呢?”
          听了释迦牟尼充满智慧和实力的妙问, 那个人为之一怔, 哑口无言。从此, 他再也不敢谩骂释迦牟尼了。
无论做什么事, 你的成功都会遭致一些人的诽谤。聪明的人通常保持沉默。谣言自然不攻自破。

Translated: Zab Chinese Story


Source: Shi Jia Mou Ni De Gu Shi

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ขี้เกียจนัก ต้องเจออย่างงี้

ขี้เกียจนัก ต้องเจออย่างงี้



มีผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อว่า เสี่ยวมู่ ขี้เกียจขั้นเทพ มีครั้งหนึ่ง เสี่ยวมู่ไปทำธุระ จึงไปพักบ้านเพื่อนอยู่ซัก 2-3 วัน ตื่นนอนตอนเช้า เสี่ยวมู่ไม่จัดเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบ เพื่อนก็จำยอมต้องมาเก็บที่นอนให้
เสี่ยวมู่   :  ถึงยังไงตอนกลางคืนก็ต้องนอน ตอนนี้ไม่ต้องไปเก็บหรอก!
            หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เพื่อนกำลังล้างชาม
เสี่ยวมู่   :  ถึงยังไงมื้อหน้าก็ยังต้องกิน ตอนนี้ไม่ต้องไปล้างหรอก!
            ตกดึกถึงตอนกลางคืน เพื่อนบอกให้เสี่ยวมู่ไปอาบน้ำ
เสี่ยวมู่   :  ถึงยังไงก็ต้องสกปรกอยู่ดี ตอนนี้ก็ไม่ต้องไปอาบหรอก!

            วันรุ่งขึ้น ตอนกำลังกินข้าว เพื่อนก็กินเฉพาะของตนเอง ไม่สนใจเสี่ยวมู่
เสี่ยวมู่   :  อาหารฉันล่ะ?
เพื่อน    :  ถึงยังไงกินแล้วก็ต้องหิว แล้วแกจะกินทำไม?
            ตอนกำลังจะนอน เพื่อนก็เอาแต่นอน ไม่สนใจเสี่ยวมู่
เสี่ยวมู่   :  ให้ฉันนอนที่ไหนอ่ะ?
เพื่อน    :  ถึงยังไงไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องตื่น แล้วแกจะนอนทำไม?
            คนขี้เกียจอย่างเสี่ยวมู่เริ่มกระวนกระวายใจแล้ว
เสี่ยวมู่   :  ไม่กิน ไม่นอน จะให้ฉันตายใช่ไหม?
เพื่อน    :  ก็ใช่อ่ะดิ ถึงยังไงคนเราก็ต้องตาย แล้วแกจะมีชีวิตอยู่ทำไม?
               
  ในสังคมเรานี้ก็ยังมีคนแบบเสี่ยวมู่อยู่เป็นจำนวนมาก ขี้เกียจ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ 
ถ้าหลบหลีกหรือหลีกเลี่ยงได้ก็ดี หรือไม่ก็สั่งสอนซะให้รู้ความผิดของตัวเอง  แต่ทางที่ดีที่สุดก็คงต้องเตือนตัวเองไม่ให้เป็นคนเกียจคร้าน ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน


人是这样处理的!!


                有一个人叫小木, 别懒, 有一次, 小木去办事, 在朋友家住几天。

                早晨起床后, 小木不整理床铺, 朋友好替整理小木:反正晚上, 现在何必去整理! 吃完后, 朋友洗碗, 说:“反正下一顿还要吃, 现在何必 晚上, 朋友让小木洗澡,木又说:“反正还是, 现在何必去洗!

                第二天候, 朋友 顾自己, 不理。小木就问:“ 我的饭呢?” 朋友说:“反正吃了饿, 何必去! 睡觉的时候, 朋友只管自己, 还不理小木。问: “我睡哪儿?” 朋友说:“反正迟早要醒, 你何必睡!” 懒人急, :不睡,不是要我死吗?” 朋友答:是啊, 反正总是要, 何必活着!”

Translated: Zab Chinese Story

Source: Gao Xiao De Gu Shi

ป้ายกำกับ

กระต่ายจ้อย (1) กำลังใจจากแม่ (1) ขโมย (1) ขโมยก็เป็นขโมย (1) ขากางเกงหายไปไหน? (1) ขี้เกียจ (1) ขี้เกียจนัก ต้องเจออย่างงี้ (1) เขามาส่งพัสดุ (1) ไข่ (1) คนตาบอดถือโคมไฟ (1) คนพิการ (1) ครอบครัว (2) ครูสอนให้พูดคำตรงข้าม (1) ความลับของการขายโจ๊ก (1) คำแนะนำจากครูสาว (1) คิดสักนิดก่อนพูด (1) คืนที่พายุฝนฟ้าคะนอง (1) คุณยายนำโชค (1) แค่กินไข่ทำไมยากจัง? (1) งานกีฬาสี (1) งานเลี้ยงหรูในห้องน้ำ (1) เจ้าของบ้าน (1) เจิงกั๋วฟาน (1) โจ๊ก (1) โจ๊กใส่ไข่ (1) ใจไม่บอด (1) ชายหนุ่มยากจน (1) ชาวนา (1) ซวย (1) ซื้อคฤหาสน์ด้วยเงินเพียง1แสน (1) เซี่ยงไฮ้ (1) ดอกกุหลาบ (1) ดอกมะลิ (1) ด่า (1) เด็กแกล้งโง่ (1) เด็กฉลาดชาติเจริญ (1) เด็กหนุ่ม (1) ตะเกียบ (1) ตาบอดแต่ใจไม่บอด (1) ตามองไม่เห็น (1) แตงโม (1) แตงโม=หมวกกันน็อค (1) ถ้วยรางวัล (1) ถุงกับข้าวกับความงามทางศิลปะ (1) เทน้ำ (1) นักบิน (1) บทความ (1) บ่อร้าง (1) ปรัชญาชีวิตจากลาเฒ่า (1) ปีใหม่ (1) ปีใหม่ห้ามพูดคำว่า“ไม่” (1) แปลนิยายจีน (1) ผู้ชนะที่แท้จริง (1) พระพุทธเจ้า (1) พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส (1) พ่อ (1) พ่อครับ ผมจะสู้ (1) พิธีกรสาว (1) พูดไม่คิด (1) เพลงค่าน้ำนม (1) โพรงต้นไม้ (1) แฟนหนุ่ม (1) ไฟเขียว (1) ไฟจราจร (1) ไฟแดง (1) ไฟเหลือง (1) ภรรยา (2) ภรรยาที่น่าสงสาร (1) ภาคภูมิใจ (1) ม้าเล็ก (1) แม่คือครูคนแรกของลูก (1) แม่สอนลูกแบ่งแอปเปิล (1) รองเท้า (1) รักนี้ต้องกาแฟใส่เกลือ (1) ร้านขายโจ๊ก (1) เรื่องตลก (14) เรื่องตลกของนกเพนกวิน (1) เรื่องประทับใจ (7) เรื่องเล่า (10) เรื่องเล่าจากจีน (11) เรื่องเล่าให้แง่คิด (8) โรแมนติก (1) ล้มเหลว (1) ลูก (1) ลูกบอล (1) เลือกสาวคนไหนดีนะ? (1) วันคนพิการแห่งชาติจีน (1) วันครู (1) วันครูแห่งชาติจีน (1) วันเด็ก (2) วันเด็กแห่งชาติของจีน (1) วันเด็กแห่งชาติจีน (2) วันตรุษจีน (1) วันที่ซวยจริงๆ (1) วันผู้สูงอายุของจีน (1) วันพ่อ (2) วันพ่อแห่งชาติ (1) วันแม่ (3) วันแม่ของจีน (1) วันแม่แห่งชาติ (1) วันแม่แห่งชาติจีน (1) วันวาเลนไทน์ (1) วันวาเลนไทน์ของจีน (1) วันแห่งความรัก (1) วันแห่งความรักของจีน (1) ส่งรองเท้าล้านคู่มาด่วน (1) สัญญาณไฟเกิดขึ้นได้ยังไง (1) สามัคคี (1) สามีหลอกภรรยาให้เรียนหนังสือ (1) สาวตาบอด (1) เส้นทาง (1) เส้นทางความสำเร็จ (1) ใส่ไข่ไหม (1) หนังสือ (1) หนีโจรปล้นง่ายนิดเดียว (1) หนูโตขึ้นอยากเป็นอะไร (1) หมวกกันน็อค (1) อย่าดูถูก (1) อะควาเรียม (1) แอปเปิล (1) SMSคำอวยพรในเทศกาลตรุษจีน (1) Thunderstorm (1) 雷雨 (1)