ความลับของการขายโจ๊ก
ในทุก
ๆ เช้าจะต้องเดินผ่านร้านขายโจ๊ก 2 ร้านที่ตั้งอยู่ตรงข้ามถนน
ในแต่ละวันลูกค้าของร้านทางด้านซ้ายและร้านทางด้านขวาก็พอ ๆ กัน
ค้าขายกิจการดีมากเลยทีเดียว แต่เมื่อถึงตอนเย็นที่คิดเงินทำบัญชี กลับพบว่า
ร้านทางด้านซ้ายมักจะมีกำไรถึงพันหยวนมากกว่าร้านทางด้านขวา ซึ่งในทุก ๆ
วันก็เป็นแบบนี้ (ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้น่ะ เราตามมาดูความจริงกัน)
ดังนั้น
ฉันจึงทำการพิสูจน์ด้วยการเดินเข้าร้านขายโจ๊กทางด้านขวา
พนักงานหญิงก็ยิ้มต้อนรับเชิญฉันเข้าด้านในร้าน ตักโจ๊กให้ฉันชามหนึ่ง
แล้วถามฉันว่า
พนักงานร้านขวา : ใส่ไข่ไหม?
ฉัน : ใส่
แล้วพนักงานหญิงก็ใส่ไข่เพิ่มให้ฉัน 1 ฟอง
ฉันสังเกตลูกค้าแต่ละคนที่เข้ามาในร้าน พนักงานก็มักจะถามว่า "ใส่ไข่ไหม?"
ก็มีคนตอบว่า "ใส่" และก็มีคนตอบว่า "ไม่ใส่"
ซึ่งมีจำนวนพอ ๆ กัน
แล้วฉันก็เดินเข้าร้านขายโจ๊กที่อยู่ทางด้านซ้าย
พนักงานหญิงก็ยิ้มต้อนรับเชิญฉันเข้าด้านในร้านเหมือนกับร้านที่แล้วเลย
แล้วตักโจ๊กให้ฉันชามหนึ่ง พร้อมกับถามฉันว่า
พนักงานร้านซ้าย : ใส่ไข่ 1 ฟองหรือว่าใส่ไข่
2 ฟอง?
ฉัน : ใส่ 1 ฟอง(พร้อมยิ้ม
เพราะรู้คำตอบแล้ว)
ก็มีลูกค้าเดินเข้ามาอีกหนึ่งคน พนักงานก็ถามว่า "ใส่ไข่
1 ฟองหรือว่าใส่ไข่ 2 ฟอง?"
คนที่ชอบกินไข่ก็ขอ 2 ฟอง
คนที่ไม่ชอบกินไข่ก็ขอแค่ฟองเดียว และก็มีคนไม่ใส่ไข่ด้วย แต่ว่าน้อยมาก
หนึ่งวันผ่านไป
ร้านทางด้านซ้ายก็มีปริมาณการขายไข่มากกว่าร้านทางด้านขวา(พร้อมกับเงินที่มากขึ้นด้วย)
สิ่งนี้อธิบายได้ว่า
การเหลือพื้นที่ให้คนอื่นได้เลือกในขณะเดียวกัน
ก็เป็นการเพิ่มโอกาสอย่างมากในการช่วงชิงทางการค้าให้กับตัวเอง
ก็คงมีแต่วิธีการแบบนี้ ที่จะได้ชัยชนะในการแข่งขันทางธุรกิจ
การค้าขายไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาการทำสินค้าออกมาเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจถึงหัวใจของการอุปโภคบริโภคด้วย
卖粥的秘密
每天早上都要经过街对面有两家卖粥的小店,
左边这个店和右边的那个店每天的顾客差不多, 生意都不错, 可是到了晚上结算的时候, 左边的这个店总是比右边的那个店多出了百十元钱, 天天如此。
于是,
我走进了右边那个粥店。服务小姐微笑着把我迎进去, 给我盛好一碗粥, 问我:“加不加鸡蛋?”
我说 “加”, 于是她给我加了一个鸡蛋。我发现每进来一个顾客,
服务员都要问一句:“加不加鸡蛋?” 有说 “加”,
也有的说 “不加”, 大概各占一半。
我又走进左边那个小店。服务小姐同样微笑着把我迎进去,给我盛好一碗粥,
问我:“加一个鸡蛋还是加两个鸡蛋?”
我笑了, 说:“加一个。” 再进来一个顾客, 服务员又问一句:“加一个鸡蛋还是加两个鸡蛋?”
爱吃鸡蛋的就要求加两个, 不爱吃的就要求加一个, 也有要求不加的,但是很少。一天下来,左边这个小店就要比右边那个多卖出很多个鸡蛋。
这说明, 在给别人留有余地的同时, 也要为自己争取更大的可能性。只有这样,
才会在竞争中获胜。销售不仅仅是方法问题,更多的是对消费心理的理解。