งานเลี้ยงหรูในห้องน้ำ
มีแม่คนหนึ่งกับลูกชายวัยสี่ขวบใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เธอมีอาชีพเป็นคนรับใช้ของครอบครัวหนึ่ง
มีวันหนึ่ง เจ้านายที่เป็นเจ้าของบ้านต้องการจะจัดงานเลี้ยงแขก และเขาก็หวังว่าสาวใช้คนนี้จะมาช่วยเขาต้อนรับแขกในตอนเย็น แต่เมื่อเธอนึกถึงลูกชายที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว คงจะกลัวมากตามประสาเด็ก เธอจงขออนุญาตเจ้านายพาลูกชายมาด้วย ในระหว่างทางที่เธอพาลูกชายมานั้น ก็ได้ซื้อขนมปังและไส้กรอกที่ไม่เคยซื้อมาก่อนเลยให้กับลูกชาย และพูดกับลูกชายว่า
แม่ : วันนี้แม่จะพาลูกไปงานเลี้ยงน่ะ
งานเลี้ยงจัดขี้นอย่างหรูหรา สาวใช้ไม่อยากให้ลูกชายรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างความจนกับความรวยเร็วจนเกินไปนัก และเพราะในบ้านนี้ทุกที่ต่างเต็มไปด้วยแขกเหรื่อผู้มีเกียรติ ดังนั้น สาวใช้จึงจำเป็นต้องพาลูกชายไปซ่อนไว้ในห้องน้ำที่เจ้านายใช้เฉพาะคนเดียว หลังจากนั้น เธอน้ำตาคลอเบ้าแต่ต้องเก็บซ่อนน้ำตาไว้ พร้อมบอกกับลูกชายว่า
แม่ : หนูก็มีความสุขอยู่ในห้องงานเลี้ยงนี้นะลูก
เด็กชายคนนี้เติบโตขึ้นมาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน เขาไม่เคยเห็นห้องที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน แล้วยิ่งไม่เคยเจอสุขภัณฑ์โถชักโครกมาก่อน และยิ่งไม่เคยรู้จักอ่างล้างหน้าที่ทำด้วยหินอ่อนอันสวยงามนี่มาก่อน แล้วเขายังดมกลิ่นหอมของน้ำยาล้างมือและสบู่อีกด้วย ซึ่งตัวเด็กชายคนนี้ได้คิดเอาเองว่า เขาได้มาถึงภัตตาหารแล้ว มีความสุขมากจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว เขานั่งบนพื้น เอาจานว่างบนฝาชักโครก จ้องมองไส้กรอกและขนมปังที่วางอยู่ในจาน และร้องเพลงอย่างมีความสุข
ณ เวลานี้ งานเลี้ยงของจริงได้ถูกจัดขึ้นแล้ว เจ้านายนึกถึงลูกชายของสาวใช้ได้ จึงถามสาวใช้ สาวใช้ตอบว่า
สาวใช้ : ไม่ทราบค่ะ อาจจะออกไปวิ่งเล่นอยู่ข้างนอกมั้งค่ะ
เจ้านายสังเกตเห็นว่าสาวใช้ตอบอย่างหลบสายตา จึงเดาเหตุการณ์ท้้งหมดได้ เขาจึงตามหาลูกของสาวใช้อย่างเงียบ ๆ ภายในบ้าน ในที่สุด ก็ตามเสียงร้องเพลงของเด็กชายคนหนึ่งไปเจอว่าอยู่ในห้องน้ำ เจ้านายตกตะลึงอึ้งกิมกี่ แล้วถามเด็กชายว่า
เจ้านาย : เจ้าหนู มาซ่อนอะไรอยู่ในนี้?
เด็กชายที่ตอนนี้กำลังเคี้ยวไส้กรอกอยู่เต็มปาก จึงตอบอย่างตะกุกตะกักว่า
เด็กชาย : ผมมางานเลี้ยงที่นี่ครับ ตอนนี้ผมกำลังกินอาหารเย็นอยู่
ตัวของเจ้านายเองต้องพยายามสะกดกลั้นอาการตกใจไว้ แล้วถามต่อว่า
เจ้านาย : หนูรู้ไหมว่าที่นี่คือสถานที่อะไร?
เด็กชาย : ผมต้องรู้อยู่แล้ว ว่าที่นี่เป็นห้องที่เจ้าของงานเลี้ยงจัดไว้ให้ผมโดยเฉพาะ
เจ้านาย : แม่ของหนูบอกมาอย่างนี้หรอ?
เด็กชาย : ใช่ครับ อันที่จริงไม่ต้องให้แม่บอก ผมก็รู้ครับว่า เจ้าของงานเลี้ยงต้องจัดห้องที่ดีที่สุดไว้ให้สำหรับผมแน่นอนอยู่แล้ว !
แล้วเด็กชายก็ชี้ไปที่ไส้กรอก แล้วพูดว่า
เด็กชาย : เพียงแต่ ผมหวังว่าจะมีใครสักคนหนึ่งมากินอาหารเป็นเพื่อนกับผม ของอร่อย ๆ ก็ต้องให้ทุกคนมากินด้วยกันมันถึงจะสนุก
เจ้านายเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อหน้าของตัวเองแล้ว เขาเดินออกไปที่โต๊ะจัดเลี้ยงอาหารอย่างเงียบ ๆ แล้วพูดกับแขกเหรื่อว่า
เจ้านาย : ท่านผู้มีเกียรติครับ ต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่ง ที่เกรงว่าวันนี้กระผมไม่อาจอยู่ร่วมโต๊ะกับทุกท่านได้ เพราะกระผมต้องไปเป็นเพื่อนกับแขกพิเศษท่านหนึ่ง
หลังจากนั้น เจ้านายก็ยกอาหารสองจานจากโต๊ะจัดเลี้ยง ไปยังห้องน้ำ เคาะประตูเบา ๆ เมื่อเด็กชายอนุญาตให้เข้าห้อง เขาจึงเปิดประตู แล้วเอาอาหารทั้งสองจานนั้นวางบนฝาชักโครก แล้วขยับตัวนิดหน่อยพูดกับเด็กชายอย่างสุภาพว่า
เจ้านาย : ห้องที่ดีสวยงามออกอย่างนี้ แน่นอนจะให้หนูมีความสุขคนเดียวได้อย่างไรกัน ขอให้ฉันได้ร่วมงานเลี้ยงกับหนูหน่อยก็แล้วกัน
ห้องน้ำได้กลายเป็นห้องที่ดีที่สุดในบ้านหลังนี้ไปซะแล้ว พวกเขาทั้งคู่กินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยในห้องน้ำนี้ และร้องเพลงกันหลายต่อหลายเพลง และก็มีแขกเหรื่อผู้มีเกียรติมากมายต่างทยอยกันมาเคาะห้องน้ำ แล้วเข้ามาทักทายเด็กชายกับเจ้านาย ส่งน้ำแอปเปิ้ลรสเลิศและปีกไก่ที่ทอดกรอบสีเหลืองทองให้กับเด็กชาย ต่อมา แขกคนอื่น ๆ ก็เข้ามาแออัดกันอยู่แต่ในห้องน้ำ ร้องเพลงร่วมกับเด็กชาย ทุกคนต่างตั้งอกตั้งใจ ไม่มีใครเสแสร้ง
หลายปีต่อมา เด็กชายคนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขามีบริษัทเป็นของตัวเอง มีบ้านที่มีห้องน้ำถึงสองห้องด้วยกัน เขาค่อย ๆ ก้าวขึ้นสู่สังคมชั้นสูง กลายเป็นมหาเศรษฐี แต่ในทุก ๆ ปีเขาก็ยังบริจาคเงินจำนวนมากให้กับคนจนด้วย แต่เขาไม่เคยจัดงานการกุศลเลย และยิ่งไม่อยากให้คนจนรู้จักชื่อของเขาด้วย มีเพื่อนของเขาถามถึงเหตุผลว่าทำไม เขาตอบว่า ฉันจำเหตุการณ์หนึ่งในอดีตเมื่อหลายปีก่อนได้อย่างชัดเจน มีอยู่วันหนึ่ง มีเศรษฐีท่านหนึ่งและเพื่อน ๆ ของท่าน ไม่รังเกียจเลยที่จะปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของเด็กชายวัยสี่ขวบเอาไว้
ไม่ต้องพูดอะไรมาก อ่านแล้วชอบก็แปลเลย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ถ้าในตอนนั้น เจ้านายและแขกเหรื่อต่างหัวเราะเยาะเขาที่เข้ามากินข้าวในห้องน้ำ เด็กชายคนนี้อาจจะไม่ได้เติบโตมีอนาคตที่สดใสแบบนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว แววตาหรือสายตาที่สื่ออกมา กับการกระทำที่แสดงออกมาอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครคนหนึ่ง
卫生间里的晚宴
有一个母亲和四岁的儿子一起生活, 她给一家人做女佣。
有一天,主人要请客, 他希望女佣晚上帮他招待客人。想到儿子独自在家一定很害怕, 她征得主人同意后, 女佣就把儿子带到了主人家中。路上,女佣对儿子说要带他去参加一个晚宴,并悄悄地买下了一直都没个儿子买的香肠和面包。
晚宴太豪华了, 女佣不想让儿子过早知道贫与富的差别, 因为房子里到处都是客人,所以女佣只好把儿子带到了主人专用的卫生间。然后,她含着泪水,并告诉他,他将在这里享用晚宴。男孩在贫困中长大, 他从没见过这么豪华的房间, 更没有见过抽水马桶,不认识漂亮的大理石洗漱台。他闻着洗涤液和香皂的香气,以为到了餐厅, 幸福得不能自拔。他坐在地上,将盘子放在马桶盖上,盯着盘子里的香肠和面包,为自己唱起快乐的歌。
真正晚宴开始的时候,主人想起女佣的儿子, 他问女佣,女佣说她也不知道,也许是跑出去玩了吧。主人看女佣躲闪的目光就猜到了一切, 他在房子里静静地寻找,终于,顺着歌声找到了卫生间里的男孩。主人楞住了,他问男孩:“孩子,你躲在这里干什么?”男孩嘴里嚼着香肠,含糊地说:“我是来这里参加晚宴的,现在我正在吃晚餐。” 主人抑制着内心的惊讶,问:“你知道这是什么地方吗?”男孩说:“我当然知道,这是晚宴的主人单独为我准备的房间。”主人问:“是你妈妈这样告诉你的吗?”男孩高兴地说:“是呀,其实不用妈妈说,我也知道,晚宴的主人一定会为我准备最好的房间!”男孩又指了指盘子里的香肠,噘起小嘴,说:“只是,我希望能有个人陪我吃这些东西,好东西要大家一起吃才有意思。”
主人已经明白了眼前的一切。他默默走回餐桌前,对所有的客人说:“对不起,恐怕今天我不能陪你们共进晚餐了,我得去陪一位特殊的客人。” 他从餐桌上端走两个盘子,来到洗手间的门口,轻轻地敲敲门,得到男孩的允许后,他推开门,先把两个盘子放到马桶盖上,然后彬彬有礼地对男孩欠了欠身,说:“这么好的房间,当然不能让你一个人独享,请允许我与你共进晚餐。”
洗手间是整栋房子里最好的房间。他们在洗手间里吃了很多东西,唱了很多歌。不断有客人敲门进来,他们向主人和男孩问好,递给男孩美味的苹果汁和烤得金黄的鸡翅,后来他们干脆一起挤到小小的洗手间里,给男孩唱起了歌。每个人都很认真,没有一个人认为这是一场闹剧。
多年后男孩长大了。他有了自己的公司,有了带两个卫生间的房子。他步入上流社会,成为富人。每年他都拿出很大一笔钱救助一些穷人,可是他从不举行捐赠仪式,更不让那些穷人知道他的名字。有朋友问及理由,他说:“我始终记得许多年前,有一天,有一位富人和他的朋友们,他们小心翼翼地保护了一个四岁男孩的自尊。
Translated: Zab Chinese Story
Source: Gu Shi Hui