วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ผู้ชนะที่แท้จริง

ผู้ชนะที่แท้จริง


งานกีฬาสีประจำฤดูหนาวกำลังเปิดฉากขึ้น นกจิ๋วพิธีกรภาคสนามกำลังประกาศว่า
นกจิ๋ว : เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ขอเชิญทุกท่านรีบมาสมัครแข่งขันกีฬากันเถอะ
ในการแข่งขันครั้งนี้มีหมาน้อย กระต่ายจ้อย และม้าเล็กเข้าแข่งขัน
“ปั้ง” เสียงปืนดังขึ้นจากมือของลูกเสือที่เป็นกรรมการ นักกีฬาออกตัววิ่งราวกับลูกธนูที่หลุดจากคันศรยังไงยังงั้น ม้าเล็กวิ่งขึ้นนำหน้า หมาน้อยตามมาติด ๆ ส่วนกระต่ายจ้อยรั้งท้ายสุด นกจิ๋วรายงานด้วยเสียงอันดังฟังชัดว่า
นกจิ๋ว : ณ ตอนนี้ ผู้ที่นำเป็นอันหนึ่งคือม้าเล็ก โอ้ เกิดอะไรขึ้น กระต่ายจ้อยสะดุดก้อนหินหกล้มไปแล้ว มีเลือดไหลที่หัวเข่าด้วย เราทุกคนต่างเป็นกังวล ไม่รู้ว่ากระต่ายจ้อยจะบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ ทันใดนั้นม้าเล็กหันหลังกลับวิ่งไปหากระต่ายจ้อย แล้วแบกกระต่ายจ้อยวิ่งไปห้องพยาบาลทันที และในช่วงเสี้ยววินาทีนี้นี่เอง หมาน้อยวิ่งเข้าเส้นชัยไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อกรรมการมอบถ้วยรางวัลให้แก่หมาน้อย หมาน้อยกลับนำถ้วยรางวัลนั้นไปมอบให้กับม้าเล็ก และพูดว่า
หมาน้อย : ผู้ชนะที่แท้จริงควรเป็นคุณ


真正的冠军

     冬季运动会就要开始了, 小鸟正在广播 : 为了锻炼身体, 请朋友们积极报名参加比赛。 小狗、小兔、小马等都报名参加了比赛。
      的一声, 小老虎裁判手中的枪响了。运动员像离弦的箭一样跑了出去。小马跑在最前面, 小狗紧随其后,小兔跑在最后面。
      小鸟大声地说:现在跑在第一位的是小马, 这时候, 小兔被一块小石头绊倒了, 膝盖上流血了, 大家都很担心, 不知道小兔伤得怎样。更让大家意想不到的是, 小马突然转头向小兔奔去, 背起小兔跑到医务室里去了。小时, 小狗跑到了终点。
          当裁判把奖杯发给小狗时,小狗却捧着奖杯来到了小马面前说:真正的冠军应该是你!

Translated: Zab Chinese Story

Source: Dong Wu De Gu Shi

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สัญญาณไฟเกิดขึ้นได้ยังไง

สัญญาณไฟเกิดขึ้นได้ยังไง


     สัญญาณไฟจราจรแดงเขียวเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษเมื่อศตวรรษที่19 ในตอนนั้น ที่เมืองยอร์กของอังกฤษมีหญิงสาวเป็นจำนวนมากใช้เสื้อผ้าสีแดงและสีเขียวมาแสดงสถานะของตัวเอง หญิงสาวที่ใส่เสื้อผ้าสีแดง หมายความว่า ฉันแต่งงานแล้ว ไม่ต้องมาขอความรักจากฉัน ส่วนหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานโดยทั่วไปจะใส่เสื้อผ้าสีเขียว
      เนื่องจากในตอนนั้นที่อังกฤษมักจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อยู่เสมอ รัฐบาลอังกฤษจึงใช้ความหมายแฝงที่ผู้หญิงใส่เสื้อผ้าสีแดงสีเขียวมาเป็นสัญญาณไฟจราจร ในปี1868 ได้ติดตั้งสัญญาณไฟ 2 ดวงที่ถนนสายหนึ่ง ทำเป็นสัญลักษณ์ สีแดงหมายถึงห้ามรถแล่นผ่าน ส่วนสีเขียวหมายถึงรถแล่นผ่านไปได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อุบัติเหตุบนท้องถนนก็ลดลงเป็นจำนวนมาก
     ในปี1886 หลังจากที่มีรถยนต์ใช้กันแล้ว สัญญาณไฟแดงเขียวก็ได้รับการยอมรับและใช้กันมากมายหลายประเทศ  ส่วนสัญญาณไฟจราจรสีเหลืองนั้นถือกำเนิดเกิดขึ้นช้ากว่าไฟแดงเขียวถึง 57 ปี ซึ่งสัญญาณไฟเหลืองนั้นเป็นผลงานการประดิษฐ์คิดค้นของชาวจีนนามว่า หูหยูติ่ง ในปีนั้นหูหยูติ่งเพิ่งจะอายุ 20 ปีเท่านั้นได้ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา มีวันหนึ่ง เขายืนอยู่ที่สี่แยกที่มีผู้คนพลุ่นพล่านมาก มองไปที่สัญญาณไฟแดง ตอนที่กำลังคิดจะข้ามถนน ทันใดนั้น ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับอย่างเร็วปรือเฉียดผ่านตัวเขาไป เขาสะดุ้งสุดตัวตกใจมาก และในทันใดนั้นนั่นเอง เขาก็ปิ๊งไอเดียเด็ดขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า ทำไมไม่มีสัญญาณไฟอะไรสักสีมาแทรกกลางอยู่ระหว่างไฟแดงกับไฟเขียวนะ เพื่อบอกรถยนต์ให้เตรียมหยุด ดังนั้น เขาจึงเสนอความคิดไปยังฝ่ายการจราจรให้ติดตั้งสัญญาณไฟสีเหลืองเพิ่มอีกหนึ่งดวง นับตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มมีสัญญาณไฟจรารจร แดง เหลือง เขียว 3 สี และก็ค่อย ๆ แพร่ลายไปทั่วโลก


 ที่แท้สัญญาณไฟสีเหลืองก็เกิดขึ้นด้วยฝีมือชาวจีนนี่เอง เก่งจริง ๆ หูหยูติ่ง

马路红黄绿灯的由来
红绿灯最早出现在19世纪的英国。当时, 英国约克城市的许多女性用红色的衣服和绿色的衣服来表示自己的身份。女人穿着红衣服是在告诉人们 : 我已经结婚了,请不要再向我求爱。 没有结婚的女人一般都穿绿衣服。
由于当时英国城市里老是发生车祸, 英国政府就根据女人穿红绿衣服的含义,于 1868年在一条马路上安装了两盏煤气灯, 作为标志。红灯表示禁止通行,绿灯则表示可以通行。从那以后, 交通事故大大减少了。

1886年汽车出现之后,红绿灯便得到许多国家的认可和采用。黄色交通信号灯的出现红绿灯比晚57年, 是由中国人胡汝鼎发明的。那时年仅 20 岁的胡汝鼎到美国留学深造。一天,他站在繁华的十字路口,看到红灯, 正想过马路的时候, 一辆汽车突然从他的身边飞过, 吓了他一跳。突然, 他脑子里闪过一个念头 : 为什么不在红绿灯之间再加一个其他颜色的信号灯, 来指示车辆停止还是前进。于是, 他建议交通当局再安装一种黄色信号灯。从那时候开始, 就出现了红黄绿三种交通信号灯, 并逐渐在全世界普吉。

Translated: Zab Chinese Story

Source: Hong Lv Deng De Gu Shi

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ลูกบอลตกทำยังไงดี

ลูกบอลตกทำยังไงดี


         เหวินเหยี้ยนปั๋ว เกิดเมื่อปีค.ศ.1006 เป็นขุนนางในสมัยราชวงศ์เป่ยซ่ง เมื่อตอนเป็นเด็กเหวินเหยี้ยนปั๋วฉลาดเฉลียวมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่เล่นกับเพื่อน ๆ เล่นกันไม่ทันระวัง ลูกบอลตกเข้าไปในโพรงของต้นไม้ใหญ่ พวกเพื่อน ๆ ลองเอามือยื่นเข้าไปในโพรงต้นไม้เพื่อหยิบลูกบอล แต่ว่าโพรงต้นไม้ลึกมากเหลือเกิน เอื้อมยังไงก็เอื้อมไม่ถึงลูกบอกสักที เหวินเหยี้ยนปั๋วมองดูต้นไม้แล้วคิดพิจารณาอยู่นิดหนึ่ง ก็พูดว่า
เหวินเหยี้ยนปั๋ว : ฉันคิดออกแล้ว ลองดูวิธีนี้ก็ได้
      หลังจากนั้นเหวินเหยี้ยนปั๋วก็เรียกเพื่อน ๆ ให้ช่วยกันตักน้ำใส่ถังแล้วหิ้วมา แล้วก็เอาน้ำเทใส่ในโพรงต้นไม้ถังแล้วถังเล่า ไม่ทันไรน้ำก็เต็มโพรงต้นไม้ แล้วลูกบอลก็ลอยโผล่ขึ้นมา เรื่องราวในสมัยตอนเป็นเด็กของเหวินเหยี้ยนปั๋วที่เทน้ำเก็บลูกบอลนั้น เกิดขึ้นที่บ้านเกิดเมืองนอนของเขา ซึ่งก็คือเมืองเจี้ยซิว มณฑลซานซี แล้วเรื่องเล่านี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วประเทศจีน
                

  เด็กฉลาดชาติเจริญ ก็ยังเป็นคำที่ใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัยจริง ๆ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติของจีน(วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี) ก็เลยอัพเรื่องนี้เน้อ

球掉进一棵大树怎么办呢
文彦博,生于公元一零零六年,是北宋时期的政治家。文彦博自幼十分聪明,小时候与伙伴们玩球时,一不小心,球掉进一棵大树的树洞里去了。小朋友试着把手伸进树洞取球,可是树洞太深,怎么也够不着。文彦博看着树洞想了一会儿,说:“我有个办法,可以试一试。”随后他叫几个小朋友提来几桶水,把水一桶一桶往树洞里倒,不一会儿树洞里的水就满了,皮球也出来了。文彦博幼年用水取球的故事,就发生在他的祖籍——山西省介休市。这一故事在中国广为流传。

Translated: Zab Chinese Story

Source: Wen Yan Bo De Gu Shi

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ตาบอดแต่ใจไม่บอด

ตาบอดแต่ใจไม่บอด



       มีหญิงสาวคนหนึ่งที่เกิดมาหน้าตาสวยงามมาก ชายใดได้เห็นเป็นต้องมนต์สะกด แต่น่าเสียดายที่เป็นคนตาบอด มีแม่สื่อแม่ชักมาแนะนำชายหนุ่มให้เธอเลือกมากมาย มีทั้งชายชาตรีล่ำสันแข็งแรง และคุณชายจากตระกูลผู้ดี ผู้ชายเหล่านี้ล้วนไม่แคร์ที่เธอตาบอด ยอมที่จะแต่งงานกับเธอ

       ในทุกครั้งที่มีการดูตัว แม่ของหญิงสาวก็จะพาตัวหญิงสาวและชายหนุ่มว่าที่ลูกเขยไปกินข้าวที่ภัตตาคารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และทุกครั้งที่กินข้าวเสร็จ หญิงสาวก็จะส่ายหน้า แม่ของหญิงสาวพูดว่า

แม่ : ชายหนุ่มที่ดีออกอย่างนี้เขาไม่รังเกียจลูก ลูกยังจะเลือกอะไรอยู่อีก?

       ต่อมา มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ฐานะค่อนข้างยากจนแต่กลับถูกหญิงสาวคนนี้ "ชอบ" ใจซะอย่างนั้น แม่ที่รักและห่วงลูกสาวมากจึงพูดขึ้นว่า

แม่ : ลูกก็เพิ่งจะ 25 ปีเอง อายุยังไม่มากเท่าไหร่ เดี๋ยวก็ค่อย ๆ หาคู่ครองก็แล้วกัน ทำไมต้องรีบสุ่มสี่สุ่มห้าเลือกด้วยล่ะ?

หญิงสาว : หนูมองถูกคนแล้วค่ะ ต้องเป็นเขาคนนี้คนเดียวเท่านั้น ผู้ชายคนก่อน ๆ ตั้งสิบกว่าคน เวลาไปกินข้าวดูตัวก็มักจะคุยโวโอ้อวด ไม่เห็นมีใครสักคนที่จะสังเกตเห็นว่าหนูกินแต่ข้าวเปล่า เพราะว่าหนูมองไม่เห็นว่าอาหารว่างอยู่ตรงไหน กลัวว่าคีบผิดแล้วจะปล่อยไก่ออกมาทำให้ได้อายกัน มีแต่ชายหนุ่มคนนี้ที่คีบอาหารให้หนูตลอดเวลาเลย หนูจึงรู้ว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่จะรักหนูไปตลอดชีวิต

       แม่ทอดถอนใจก่อนจะพูดว่า

แม่ : อย่าดูถูกว่าลูกของแม่ตามองไม่เห็น แต่ใจของลูกยังสว่างกว่าแม่ซะอีก


  เธอเป็นสาวที่ตาบอดแต่ใจไม่บอดจริง ๆ ซึ่งวันนี้เป็นวันคนพิการแห่งชาติของจีน(วันอาทิตย์ที่สามของเดือนพฤษภาคมของทุกปี) ก็เลยอัพเรื่องนี้ดู ส่วนหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนที่กำลังดูใจแฟนอยู่ก็เอาวิธีของสาวคนนี้ไปลองใช้ดูก็ได้เน้อ ดูว่าเขาจะจริงใจรึเปล่า

眼盲心不盲 

       有一个天生丽质的姑娘,让男人一见倾心,只可惜是个盲人。媒人给她介绍了十来个健康有为、家境富裕的男子,他们都不在乎姑娘是盲人,愿意跟她结婚。

       每次姑娘的妈妈都会领着姑娘与相亲的男子在一家小饭馆吃饭。每次吃完饭后,姑娘都摇头,她的妈妈说:“人家那么好的人不嫌弃你,你还挑什么?”

       后来,一个家境贫苦的男青年却被姑娘“看”中了。妈妈心疼女儿说:“你才25 岁,年纪还不大,还可以慢慢找呀,何必瞎凑合呢?”姑娘说:“我认准了,就是他了。以前的那十几个男人吃饭的时候都夸夸其谈,没有一个人看到我其实光吃米饭,因为我看不见菜在哪里,怕夹错了出洋相,只有这个青年一个劲儿给我夹菜,我就知道了只有他会疼我一辈子。”妈妈感叹道:“别看你眼睛看不见,心比我还明亮呢。


Translated: Zab Chinese Story

Source: Can Ji Ren De Gu Shi

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แม่สอนลูกแบ่งแอปเปิล


แม่สอนลูกแบ่งแอปเปิล



        ในชีวิตของคนคนหนึ่งจะได้รับการสั่งสอนครั้งแรกสุดเลยมาจากครอบครัว มาจากแม่ที่คอยอบรมเลี้ยงดูลูก 
           มีคนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง กับผู้ร้ายคนหนึ่ง เมื่อถูกถามถึงแม่ว่ามีบทบาทต่อชีวิตของคนเราอย่างไร นึกไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะพูดถึงเรื่องเดียวกัน นั่นคือ แม่แบ่งแอปเปิลให้พวกเขาตอนเป็นเด็ก
            ผู้ร้ายคนนั้นเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนเป็นเด็ก มีวันหนึ่งแม่หยิบแอปเปิลมาสามสี่ลูก ผลแดงทั้งนั้น มีใหญ่เล็กคละเคล้ากันไป ฉันพอเห็นก็เล็งไว้ลูกหนึ่งที่ทั้งแดงทั้งใหญ่ ชอบมากเลยล่ะ อยากจะได้มากิน ซึ่งในตอนนั้น แม่ก็เอาแอปเปิลวางไว้บนโต๊ะ แล้วถามฉันกับน้องว่าอยากจะได้ลูกไหน? ฉันกำลังจะพูดว่าฉันอยากได้ลูกที่ใหญ่ที่สุดและแดงที่สุดลูกนั้น แต่ ณ เวลานั้นนั่นเอง น้องชายได้พูดแทรกขึ้นมาอย่างเดียวกับที่ฉันคิดเอาไว้พอดี พอแม่ได้ยิน ก็จ้องตาเขม็งมายังน้องชาย แล้วตำหนิว่า "เด็กดีต้องเรียนรู้ที่จะเอาของดี ๆ แบ่งปันให้คนอื่น ไม่ใช่คิดแต่จะเอาไว้เอง" ดังนั้น ฉันจึงปิ๊งไอเดียเด็ด แล้วเปลี่ยนคำพูดซะใหม่ว่า "แม่ หนูอยากได้ลูกที่เล็กที่สุด เอาลูกใหญ่ให้น้องไปเถอะ" แม่ได้ยินแล้วดีใจมาก มาหอมแก้มฉันหนึ่งที แล้วก็เอาแอปเปิลลูกนั้นที่ทั้งแดงทั้งใหญ่ให้ฉันเป็นรางวัล ฉันก็ได้ในสิ่งที่ฉันอยากจะได้ นับแต่นั้นมาฉันก็เรียนรู้ที่จะพูดโกหก ต่อมา ฉันก็เรียนทั้งชกต่อย ขโมย ปล้น เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง จนกระทั่งถึงวันที่ฉันถูกตำรวจจับ ฉันถึงได้รู้ว่าตัวเองทำชั่วไปแล้ว
           ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จได้เล่าไว้แบบนี้  เมื่อตอนเป็นเด็ก มีวันหนึ่งแม่หยิบแอปเปิลมาสามสี่ลูก ผลแดงทั้งนั้น มีใหญ่เล็กคละเคล้ากันไป ฉันกับน้อง ๆ ต่างก็แย่งกันจะเอาลูกใบใหญ่ แม่จึงหยิบลูกที่ทั้งใหญ่ที่สุดและแดงที่สุดเอามาไว้ในมือ แล้วพูดกับพวกเราว่า "แอปเปิลลูกนี้ที่ทั้งใหญ่ที่สุด แดงที่สุด และอร่อยที่สุด ใครที่อยากจะได้มัน ดีเลย ตอนนี้ให้พวกลูก ๆ มาแข่งกัน แม่ได้แบ่งหญ้า 3 กองไว้ที่หน้าบ้าน ลูกทั้ง 3 ก็แบ่งกันไปคนละกอง ตัดหญ้าให้เสร็จเรียบร้อย ใครที่ทำได้เร็วที่สุดและดีที่สุด ก็จะได้แอปเปิลลูกนี้ไปครอง" พวกเราทั้งสามก็แข่งกันตัดหญ้า ผลปรากฎว่าฉันชนะได้แอปเปิลลูกที่ใหญ่ที่สุด ฉันขอบคุณแม่เป็นอย่างสูง ที่แม่ทำให้ฉันเข้าใจถึงเหตุผลที่ง่ายที่สุดและสำคัญที่สุด คือ อยากจะได้ในสิ่งที่ดีที่สุด ก็ต้องพยายามช่วงชิงให้เป็นที่หนึ่ง แม่สอนพวกเรามาแบบนี้ และก็ทำแบบนี้มาโดยตลอด ที่บ้านของเรา ใครอยากจะได้ของดีอะไรก็จะใช้การแข่งขันมาตัดสิน สิ่งนี้ยุติธรรมมาก ใครอยากได้อะไร อยากได้เท่าไหร่ ก็จะต้องออกแรงพยายามเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา
                    แม่คือครูคนแรกของลูก คุณสามารถสอนลูกให้พูดคำโกหกคำแรกได้ และคุณก็สามารถสอนลูกให้เป็นคนซื่อสัตย์ ขยัน ได้เช่นกัน 

          
 วันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติของจีน(วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมของทุกปี) ก็เลยลองอัพเรื่องนี้ดู อาจจะดูแรงไปหน่อย แต่ก็ให้แง่คิดไม่น้อยเลย แล้วก็รักแม่ได้ทุกวันเน้ออออ

母亲教孩子分苹果
一个人一生中最早受到的教育来自家庭,来自母亲对孩子的早期教育。
          一位成功者, 一位罪犯, 当被问到母亲对他们人生的影响时, 两个人谈的居然都是同一件事:小时侯母亲给他们分苹果。
          那犯人说:
小时候,有一天妈妈拿来几个苹果,红红的,大小各不同。我—眼就看见中间的那个又红又大,十分喜欢,非常想要。这时,妈妈把苹果放在桌上,问我和弟弟:你们想要哪个? 我刚想说我想要最大最红的那个,这时弟弟抢先说出我想说的话。妈妈听了,瞪了他—眼,责备他说:“好孩子要学会把好东西让给别人,不能总想着自己。”于是, 我灵机一动,改口说:“妈妈,我想要那个最小的,把大的留给弟弟吧。”妈妈听了非常高兴,在我的脸上亲了一下,并把那个又红又大的苹果奖励给我。我得到了我想要的东西,从此我学会了说谎。以后,我又学会了打架、偷、抢。为了得到想要的东西,我可以干任何事。直到我被警察抓住的那一天, 我才知道自己错了。
          成功者则这样说:
小时候,有一天妈妈拿来几个苹果,红红的,大小各不同。我和弟弟们都争着要大的,妈妈把那个最大最红的苹果举在手中,对我们说:“这个苹果最大最红最好吃,谁都想要得到它。很好,现在让我们来做个比赛, 我把门前的草坪分成三块,你们三人一人一块,负责修剪好, 谁干得最快最好,谁就有权得到它! ”我们三人比赛除草。结果我赢了那个最大的苹果。我非常感谢母亲,她让我明白一个最简单也最重要的道理:要想得到最好的,就必须努力争第一。她一直都是这样教育我们,也是这样做的。在我们家里,你想要什么好东西就必须通过比赛来赢得,这很公平。你想要什么、想要多少,就必须为此付出多少努力和代价。
          母亲是孩子的第一任教师,你可以教他说第一句谎话,也可以教他做一个诚实的永远努力争第一的人。

Translated: Zab Chinese Story
Source: Mu Qin De Gu Shi

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ความลับของการขายโจ๊ก

ความลับของการขายโจ๊ก


      ในทุก ๆ เช้าจะต้องเดินผ่านร้านขายโจ๊ก 2 ร้านที่ตั้งอยู่ตรงข้ามถนน ในแต่ละวันลูกค้าของร้านทางด้านซ้ายและร้านทางด้านขวาก็พอ ๆ กัน ค้าขายกิจการดีมากเลยทีเดียว แต่เมื่อถึงตอนเย็นที่คิดเงินทำบัญชี กลับพบว่า ร้านทางด้านซ้ายมักจะมีกำไรถึงพันหยวนมากกว่าร้านทางด้านขวา ซึ่งในทุก ๆ วันก็เป็นแบบนี้ (ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้น่ะ เราตามมาดูความจริงกัน)
        ดังนั้น ฉันจึงทำการพิสูจน์ด้วยการเดินเข้าร้านขายโจ๊กทางด้านขวา พนักงานหญิงก็ยิ้มต้อนรับเชิญฉันเข้าด้านในร้าน ตักโจ๊กให้ฉันชามหนึ่ง แล้วถามฉันว่า
พนักงานร้านขวา : ใส่ไข่ไหม?
ฉัน : ใส่
       แล้วพนักงานหญิงก็ใส่ไข่เพิ่มให้ฉัน 1 ฟอง ฉันสังเกตลูกค้าแต่ละคนที่เข้ามาในร้าน พนักงานก็มักจะถามว่า "ใส่ไข่ไหม?" ก็มีคนตอบว่า "ใส่" และก็มีคนตอบว่า "ไม่ใส่" ซึ่งมีจำนวนพอ ๆ กัน
       แล้วฉันก็เดินเข้าร้านขายโจ๊กที่อยู่ทางด้านซ้าย พนักงานหญิงก็ยิ้มต้อนรับเชิญฉันเข้าด้านในร้านเหมือนกับร้านที่แล้วเลย แล้วตักโจ๊กให้ฉันชามหนึ่ง พร้อมกับถามฉันว่า
พนักงานร้านซ้าย : ใส่ไข่ 1 ฟองหรือว่าใส่ไข่ 2 ฟอง?
ฉัน : ใส่ 1 ฟอง(พร้อมยิ้ม เพราะรู้คำตอบแล้ว)
       ก็มีลูกค้าเดินเข้ามาอีกหนึ่งคน พนักงานก็ถามว่า "ใส่ไข่ 1 ฟองหรือว่าใส่ไข่ 2 ฟอง?" คนที่ชอบกินไข่ก็ขอ 2 ฟอง คนที่ไม่ชอบกินไข่ก็ขอแค่ฟองเดียว และก็มีคนไม่ใส่ไข่ด้วย แต่ว่าน้อยมาก หนึ่งวันผ่านไป ร้านทางด้านซ้ายก็มีปริมาณการขายไข่มากกว่าร้านทางด้านขวา(พร้อมกับเงินที่มากขึ้นด้วย)
        สิ่งนี้อธิบายได้ว่า การเหลือพื้นที่ให้คนอื่นได้เลือกในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเพิ่มโอกาสอย่างมากในการช่วงชิงทางการค้าให้กับตัวเอง ก็คงมีแต่วิธีการแบบนี้ ที่จะได้ชัยชนะในการแข่งขันทางธุรกิจ การค้าขายไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาการทำสินค้าออกมาเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจถึงหัวใจของการอุปโภคบริโภคด้วย

นาน ๆ จะอัพสักครั้ง พออ่านเจอเรื่องนี้ ถูกใจมาก ก็ขออัพซะเลย แต่ก็ยังมีกลยุทธทางการค้าอีกเพียบ ส่วนใครที่อยากค้าขายก็เอาเทคนิคนี้ไปใช้กันได้เลย ผลเป็นไงก็บอกกันบ้างเน้อ



卖粥的秘密
     每天早上都要经过街对面有两家卖粥的小店, 左边这个店和右边的那个店每天的顾客差不多, 生意都不错, 可是到了晚上结算的时候, 左边的这个店总是比右边的那个店多出了百十元钱, 天天如此。
     于是, 我走进了右边那个粥店。服务小姐微笑着把我迎进去, 给我盛好一碗粥, 问我:加不加鸡蛋? 我说 , 于是她给我加了一个鸡蛋。我发现每进来一个顾客, 服务员都要问一句:加不加鸡蛋? 有说 , 也有的说 不加, 大概各占一半。
     我又走进左边那个小店。服务小姐同样微笑着把我迎进去,给我盛好一碗粥, 问我:加一个鸡蛋还是加两个鸡蛋? 我笑了, 说:加一个。 再进来一个顾客, 服务员又问一句:加一个鸡蛋还是加两个鸡蛋? 爱吃鸡蛋的就要求加两个, 不爱吃的就要求加一个, 也有要求不加的,但是很少。一天下来,左边这个小店就要比右边那个多卖出很多个鸡蛋。
这说明, 在给别人留有余地的同时, 也要为自己争取更大的可能性。只有这样, 才会在竞争中获胜。销售不仅仅是方法问题,更多的是对消费心理的理解。


Translated: Zab Chinese Story

Source: Ying Xiao De Gu Shi

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปรัชญาชีวิตจากลาเฒ่า


ปรัชญาชีวิตจากลาเฒ่า


      มีวันหนึ่ง มีลาเฒ่าตัวหนึ่งเดินไม่ทันระวังพลัดตกลงไปในบ่อร้างที่แห้งขอด ชาวนาผู้เป็นเจ้าของเห็นเข้าแล้วก็ร้อนใจกระวนกระวายมาก เพราะว่าเจ้าลาตัวนี้อยู่กับเขามาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ณ ตอนนั้นชาวนาก็คิดสารพัดวิธีที่จะช่วยมัน แต่ทว่า ชาวนาผู้นี้ก็คิดจนหมดสติปัญญาที่มีอยู่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตเจ้าลาตัวนี้ขึ้นมาจากบ่อนี้ได้ ชาวนาจึงจำเป็นต้องตัดสินใจสละมันทิ้งไป ถึงแม้ว่าจะเสียใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ปลอบใจตัวเองว่า
ชาวนา : เจ้าลาตัวนี้ก็แก่มากแล้ว ไม่สามารถเอาไปใช้งานได้อีกแล้ว ไม่สมควรที่จะมาสิ้นเปลืองแรงมากมายขนาดนี้เพื่อช่วยชีวิตมัน อีกอย่างมันแก่ขนาดนี้แล้วก็ควรจะพักผ่อนซะทีได้แล้ว นอนหลับอย่างสงบอยู่ใต้ดินนี้จะต้องสบายกว่าการมามีชีวิตที่ลำบากเป็นแน่แท้ ยังไงซะ เจ้าบ่อนี้ก็จะต้องถมให้เต็ม ไม่งั้น ถ้าหากมีคนเดินไม่ระวังพลัดตกลงไปก็คงต้องลำบากแย่

     ดังนั้น ชาวนาจึงขอให้เพื่อนบ้านมาช่วย โดยช่วยกันฝังกลบเจ้าลาตัวนี้ในบ่อแห่งนี้ ซึ่งจะช่วยให้มันได้ตายเร็วขึ้น ทั้งนี้จะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก

     ทั้งชาวนาและเพื่อนบ้านต่างเริ่มขุดและเทดินทีละจอบทีละจอบลงไปในบ่อ พวกเด็ก ๆ ต่างก็วิ่งพากันมาดูอย่างคึกคัก เมื่อลาเฒ่าได้รู้ถึงสภาวะที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ ก็เริ่มเสียใจมาก มันร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันเศร้าใจหายขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นนั่นคือ ลาเฒ่าเงียบเสียงไปชั่วขณะหนึ่ง ชาวนาชะโงกหัวไปดูที่ก้นบ่ออย่างประหลาดใจ ก็ปรากฎภาพต่อหน้าต่อตาเขาที่ทำให้เขาตกตะลึงอึ้งกิมกี่ เมื่อดินที่อยู่ในจอบได้เทหล่นลงไปบนหลังของลาเฒ่าตัวนี้ มันก็สะบัดดินให้หล่นไปอยู่ข้างตัวมัน แล้วลาเฒ่าตัวนี้ก็กลับขึ้นมายืนบนดินที่ถมได้อย่างสง่างาม ผู้คนต่างพากันดีอกดีใจ รีบเร่งความเร็วในการถมดินในมากขึ้น เรื่องราวก็เป็นแบบนี้ ลาเฒ่าสะบัดดินที่พวกชาวนาตักเทใส่ตัวมันให้ไปอยู่ก้นบ่อ แล้วก็ขึ้นมายืนบนดินที่ถมแล้ว เวลาผ่านไปไม่นาน ลาเฒ่าก็ขึ้นมายืนยังปากบ่อได้อย่างภาคภูมิใจ แล้วก็วิ่งอย่างมีความสุขท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของชาวบ้าน

      ในช่วงการเดินทางของชีวิตคนเรา ในบางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตกไปอยู่ในสภาพของ "บ่อร้าง" และก็จะมี "ดินทราย" หลากหลายรูปแบบ มาเทราดบนตัวเรา ถ้าหากไม่อยากถูก "ดินทราย" ฝังกลบ ก็จะต้องสะบัดให้หลุดจาก "ดินทราย" แล้วก็จะยืนบนพื้นได้อย่างสมศักดิ์ศรี

 พออ่านเรื่องนี้เสร็จบอกได้คำเดียวว่า "โดนใจมาก ๆ" โดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้มาก ทำให้ได้แง่คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และเรื่องนี้ก็เคยเป็นข้อสอบHSKระบบเก่ามาก่อนด้วย เรียกว่าคู่ควรกับการอ่านรอบแล้วรอบเล่าเชียวล่ะเน้อ




年老驴子的哲学

有一天,一头年老的驴子不小心掉进了一口枯井里。农夫发现后非常着急,因为这头驴子跟了他很多年了。农夫马上设法救它,然而,农夫想尽了办法也没能把驴子从井里救出来。农夫只好决定放弃。尽管有点难过,他安慰自己:这头驴子老了,不能再干农活了,不值得费这么大力气救它了。况且它这么老了也该休息了,长眠于地下一定比出来辛苦地干活更舒服些。不过无论如何,这口井还是得填起来,否则,要是有人不小心掉下去可就麻烦了。于是,农夫便请来左邻右舍帮忙,一起将井中的驴子埋了,想让它快点死去,以免它痛苦。
农夫们开始将泥土一铲一铲地倒进枯井中。很多小孩子跑来看热闹。当驴子了解到自己的处境时,刚开始非常难过,它悲惨的叫声让周围的人都跟着伤心起来。但出人意料的是,过了一会儿驴子安静下来了。农夫好奇地探头往井底一看,出现在眼前的景象令他大吃一惊。当铲进井里的泥土落在驴子的背上时,它把泥土抖落在一旁,然后再站到泥土上面!人们很兴奋,加快了填土的速度。 就这样,驴子将大家倒在它身上的泥土全都抖落在井底,然后再站在上面。没过多久,它就得意地上升到了井口,然后在众人的欢笑声中跑了出来!

          在我们生命的旅程中,有时候难免会陷入
枯井,会有各式各样的泥沙倾倒在我们身上,要想不被泥沙埋掉,就要将泥沙抖落,然后站到上面去!


Translated: Zab Chinese Story

Source: Zhe Xue De Gu Shi

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รายงานความโรแมนติก


รายงานความโรแมนติก

ช่วงเช้าตอนกำลังจะไปทำงานเดินผ่านร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่ง ก็เหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาที่แปะไว้ที่ตู้โชว์เขียนไว้ว่า "เนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์ ดอกกุหลาบมีความต้องการเป็นอย่างมาก ทางร้านจึงต้องปรับราคาดอกกุหลาบที่จะขายในวันนั้นเป็น 30-50 หยวนต่อดอก แต่ถ้าลูกค้าท่านใดจะสั่งจองล่วงหน้า จะคิดดอกกุหลาบในราคาเพียง 5 หยวนต่อดอกเท่านั้น เชิญสั่งจองได้เลยค่ะ"

     เมื่อมาถึงออฟฟิค เพื่อนร่วมงานสาวของจางลี่ก็เล่าเรื่องนี้ให้จางลี่ฟัง และแถมพูดติดตลกอีกว่า

     เพื่อนสาว : จางลี่รู้ไหม ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์แพงชะมัดยาดเลยอ่ะ ไม่ลองให้แฟนหนุ่มของเธอลองสั่งจองดูสักช่อนึง

     จางลี่ทอดถอนใจ และพูดแกมตลกว่า

     จางลี่ : อ่ะ เขานะน่ะ หนอนหนังสือออกอย่างนั้น ไม่โรแมนติกเลยสักนิด ฉันไม่เคยหวังเลยว่าจะได้ดอกไม้จากเขา

     เพื่อนสาวของจางลี่รู้ดีว่าจางลี่ไม่ได้พูดโกหก แฟนหนุ่มของจางลี่ทำงานที่สำนักการค้าและอุตสาหกรรม ทำงานด้านการวางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีคุณสมบัติพร้อมทุกด้าน เสียแต่ว่าออกจะหนอนหนังสือไปซะหน่อย เพื่อนสาวจึงแนะจางลี่ว่า

     เพื่อนสาว : เรื่องอารมณ์โรแมนติกเนี่ย ต้องใช้เวลาบ่มเพาะน่ะ ถ้ายังไงซะ เธอก็ควรจะฉวยโอกาสนี้ไปกระตุ้นเขาสักหน่อย ให้รู้จักความโรแมนติกสักครั้งนึง

     จางลี่โทรไปหาแฟนหนุ่มอย่างลังเลใจ พูดอ้อมค้อมชักแม่น้ำทั้งห้ากับแฟนหนุ่ม

     จางลี่ : อืมม เมื่อกี้เพิ่งเดินผ่านร้านดอกไม้ คนขายบอกว่าในวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบจะแพงถึง 50 หยวน แต่ว่าถ้าตอนนี้สั่งจองล่วงหน้าจะแค่ 5 หยวนเท่านั้น คุณคิดว่า......

     แฟนหนุ่มที่อยู่ปลายสายรีบพูดสวนขึ้นมาว่า

     แฟนหนุ่ม : อ่อ รู้แล้ว ร้านดอกไม้นั่นชื่อว่าอะไร? อยู่ที่ไหน?

     จางลี่พอได้ยินแฟนหนุ่มพูดแบบนี้ก็ความคิดโลดแล่น รีบบอกชื่อและที่อยู่ของร้านดอกไม้ให้แฟนหนุ่มอย่างมีความสุข

     ตลอดช่วงบ่าย จางลี่ตกอยู่ในห้วงภวังค์ของความสุข ไม่นานนัก แฟนหนุ่มของเธอโทรกลับมา

     แฟนหนุ่ม : เมื่อกี้เราได้เอาเรื่องที่เธอโทรมาบอกแจ้งไปยังกระทรวงพาณิชย์แล้วหล่ะ ทางเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าในช่วงวันวาเลนไทน์ราคาดอกกุหลาบจะขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นเรื่องปกติ ไม่ผิดกฎหมาย พวกเราไม่ต้องไปสำรวจตลาดหรอก อ่อ ทางกระทรวงยังฝากขอบคุณเธอมาด้วยน่ะที่รายงานเรื่องนี้ให้ได้ทราบกัน......

     จางลี่ : .................(--")

  
สุขสันต์วันวาเลนไทน์เน้อ ไม่ได้อัพซะนาน อ่านเรื่องนี้แล้วเห็นว่าขำ ๆ ดี ผ่อนคลาย ๆ ส่งท้ายวันแห่งความรัก Happy Valentine's Day


浪漫的举报

今天上班时路过一家鲜花店,无意中看到橱窗里贴着一则广告:“因情人节期间玫瑰需求量大,本店决定情人节当天的玫瑰涨至30—50元一枝,但提前预订的顾客仍按5元一枝结算,欢迎预订。”

  到了办公室,女同事跟张丽聊起了这事。我开玩笑说:“你看看,情人节玫瑰涨得多厉害,还不让你男朋友提前给你预订几枝啊?”

  张丽叹了口气,幽幽地说:“唉!他呀,就一书呆子,一点情调也没有,我可从没指望他给我送花。”

  女同事知道张丽说得不假,她男朋友在工商局上班,搞计算机网络的,各方面条件都不错,就是有点书生气。女同事劝张丽:“这情调全靠培养,你就趁这个机会点拨点拨他,该浪漫就浪漫一回吧。”

  张丽犹豫着拨通了电话,委婉地对她男朋友说:“刚才路过一家花店,人家说情人节那天玫瑰要涨到50块钱,现在预订的话只要5块钱,你看……”

  电话那头马上说:“哦,知道了,那家花店叫什么名字?在哪儿啊?”张丽一听男朋友开了窍,高兴地把花店的名字和地址告诉了他。

整个上午,张丽都沉浸在幸福中。没多久,她男友又回电话了:“刚才我把你的话向商业部汇报了,人家说情人节期间玫瑰涨价属于正常价格波动,不违法,我们没法查,商业部还说谢谢你的举报……”

Translated: Zab Chinese Story

Source: Qing Ren Jie De Gu Shi

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

หนูโตขึ้นอยากเป็นอะไร?

หนูโตขึ้นอยากเป็นอะไร?



      มีพิธีกรสาวคนหนึ่งได้มาสัมภาษณ์เด็กน้อยคนหนึ่ง เธอถามว่า

พิธีกร : หนูโตขึ้นอยากเป็นอะไรค่ะ?

       เด็กน้อยตอบอย่างไร้เดียงสาว่า

เด็ก : ผมอยากเป็นคนขับเครื่องบินครับ

       พิธีกรสาวถามต่ออีกว่า

 พิธีกร : ถ้าหากมีวันหนึ่ง หนูขับเครื่องบินบินผ่านมหาสมุทร แล้วทันใดนั้นพบว่าน้ำมันในถังเครื่องไม่พอเหลือน้อยมาก ไม่สามารถบินไปยังสนามบินไหนได้เลย หนูจะทำยังไง?

       เด็กน้อยคิดพิจารณาอยู่2-3นาที หลังจากนั้นก็ตอบว่า

เด็ก : ผมจะให้ผู้โดยสารทั้งหมดคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย แล้วผมก็จะกางร่มชูชีพกระโดดออกจากเครื่องบิน......

       ซึ่งบทสัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้บรรดาผู้ที่อยู่บริเวณนั้น ต่างหัวเราะกันจนท้องแข็ง ถ้าหากคุณอยู่ในเหตุการณ์ คุณจะหัวเราะไหม? พิธีกรสาวรู้สึกขึ้นมาได้ทันทีว่า การหนีตายไปเพียงคนเดียวของเด็กคนนี้ไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงของเด็กคนนี้เป็นแน่ เธอจึงรอ ค่อย ๆ รอดูต่อไป เธอก็พบว่าเด็กน้อยกำลังจะร้องไห้แล้ว ดังนั้น เธอจึงถามเด็กน้อยว่า 

พิธีกร : ทำไมหนูถึงกระโดดออกมาจากเครื่องบินเพียงลำพังล่ะค่ะ

       และคำตอบของเด็กน้อยก็สร้างความตกตะลึงให้กับคนรอบข้างว่า

เด็ก : ผมจะรีบไปหาน้ำมัน หาน้ำมันได้แล้วผมจะรีบกลับมา

      "ผมจะกลับมา" นี่ต่างหากถึงจะเป็นคำตอบที่แท้จริง จะเห็นได้ว่า แม้แต่คำพูดของเด็กน้อยวัยแค่6ขวบ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะเข้าใจ

สุขสันต์วันเด็กเน้อ แม้จะอัพช้าไปหน่อย ไม่ว่ากันนะ เด็กในเรื่องนี้ต้องขอบอกว่ามีความคิดดีใช้ได้ ไม่ทอดทิ้งผู้โดยสาร แต่อาจจะพูดช้าไปหน่อย เลยถูกหัวเราะเลย


你长大了想当什么呀?

一个主持人采访一名小孩子 : 你长大了想当什么呀?小孩子天真地回答 : 我要当飞机的驾驶员! 主持人接着问 : 如果有一天, 你的飞机飞到太平洋上空的时候, 你突然发现你飞机油箱里的燃料不多了, 不能飞到任何一个机场了, 你打算怎么办? 这小男孩思考了几分钟, 之后回答说:我会要所有的乘客系好安全带, 然后我就带着降落伞跳出去……” 现场的所有观众, 都哈哈大笑。假设, 当时你也在现场, 你会不会笑?” 凭直觉感到, 独自逃生并不是小男孩的真正意思。要等待, 慢慢地, 她发现小男孩流眼泪了。于是, 问小男孩:你为什么要一个人跳出飞机? 小男孩的回答出乎所有人的意料 : 我要马上去找燃料;找到燃料后我要回来!

我要回来! 这才是小男孩的真正想法。连一个六岁的小男孩的话,都不是那么容易听懂。


Translated: Zab Chinese Story

Source: Gao Xiao Gu Shi

ป้ายกำกับ

กระต่ายจ้อย (1) กำลังใจจากแม่ (1) ขโมย (1) ขโมยก็เป็นขโมย (1) ขากางเกงหายไปไหน? (1) ขี้เกียจ (1) ขี้เกียจนัก ต้องเจออย่างงี้ (1) เขามาส่งพัสดุ (1) ไข่ (1) คนตาบอดถือโคมไฟ (1) คนพิการ (1) ครอบครัว (2) ครูสอนให้พูดคำตรงข้าม (1) ความลับของการขายโจ๊ก (1) คำแนะนำจากครูสาว (1) คิดสักนิดก่อนพูด (1) คืนที่พายุฝนฟ้าคะนอง (1) คุณยายนำโชค (1) แค่กินไข่ทำไมยากจัง? (1) งานกีฬาสี (1) งานเลี้ยงหรูในห้องน้ำ (1) เจ้าของบ้าน (1) เจิงกั๋วฟาน (1) โจ๊ก (1) โจ๊กใส่ไข่ (1) ใจไม่บอด (1) ชายหนุ่มยากจน (1) ชาวนา (1) ซวย (1) ซื้อคฤหาสน์ด้วยเงินเพียง1แสน (1) เซี่ยงไฮ้ (1) ดอกกุหลาบ (1) ดอกมะลิ (1) ด่า (1) เด็กแกล้งโง่ (1) เด็กฉลาดชาติเจริญ (1) เด็กหนุ่ม (1) ตะเกียบ (1) ตาบอดแต่ใจไม่บอด (1) ตามองไม่เห็น (1) แตงโม (1) แตงโม=หมวกกันน็อค (1) ถ้วยรางวัล (1) ถุงกับข้าวกับความงามทางศิลปะ (1) เทน้ำ (1) นักบิน (1) บทความ (1) บ่อร้าง (1) ปรัชญาชีวิตจากลาเฒ่า (1) ปีใหม่ (1) ปีใหม่ห้ามพูดคำว่า“ไม่” (1) แปลนิยายจีน (1) ผู้ชนะที่แท้จริง (1) พระพุทธเจ้า (1) พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส (1) พ่อ (1) พ่อครับ ผมจะสู้ (1) พิธีกรสาว (1) พูดไม่คิด (1) เพลงค่าน้ำนม (1) โพรงต้นไม้ (1) แฟนหนุ่ม (1) ไฟเขียว (1) ไฟจราจร (1) ไฟแดง (1) ไฟเหลือง (1) ภรรยา (2) ภรรยาที่น่าสงสาร (1) ภาคภูมิใจ (1) ม้าเล็ก (1) แม่คือครูคนแรกของลูก (1) แม่สอนลูกแบ่งแอปเปิล (1) รองเท้า (1) รักนี้ต้องกาแฟใส่เกลือ (1) ร้านขายโจ๊ก (1) เรื่องตลก (14) เรื่องตลกของนกเพนกวิน (1) เรื่องประทับใจ (7) เรื่องเล่า (10) เรื่องเล่าจากจีน (11) เรื่องเล่าให้แง่คิด (8) โรแมนติก (1) ล้มเหลว (1) ลูก (1) ลูกบอล (1) เลือกสาวคนไหนดีนะ? (1) วันคนพิการแห่งชาติจีน (1) วันครู (1) วันครูแห่งชาติจีน (1) วันเด็ก (2) วันเด็กแห่งชาติของจีน (1) วันเด็กแห่งชาติจีน (2) วันตรุษจีน (1) วันที่ซวยจริงๆ (1) วันผู้สูงอายุของจีน (1) วันพ่อ (2) วันพ่อแห่งชาติ (1) วันแม่ (3) วันแม่ของจีน (1) วันแม่แห่งชาติ (1) วันแม่แห่งชาติจีน (1) วันวาเลนไทน์ (1) วันวาเลนไทน์ของจีน (1) วันแห่งความรัก (1) วันแห่งความรักของจีน (1) ส่งรองเท้าล้านคู่มาด่วน (1) สัญญาณไฟเกิดขึ้นได้ยังไง (1) สามัคคี (1) สามีหลอกภรรยาให้เรียนหนังสือ (1) สาวตาบอด (1) เส้นทาง (1) เส้นทางความสำเร็จ (1) ใส่ไข่ไหม (1) หนังสือ (1) หนีโจรปล้นง่ายนิดเดียว (1) หนูโตขึ้นอยากเป็นอะไร (1) หมวกกันน็อค (1) อย่าดูถูก (1) อะควาเรียม (1) แอปเปิล (1) SMSคำอวยพรในเทศกาลตรุษจีน (1) Thunderstorm (1) 雷雨 (1)